16-20 มกราคม สัปดาห์ราชประชาสมาสัย
16-20 มกราคม สัปดาห์ราชประชาสมาสัย
โรงพยาบาลท่าตูม จังหวัดสุรินทร์
“สำรวจตัว คนในครอบครัวอย่ารอช้า ผิวหนังเป็นวงด่างชา อาจนำพาให้พิการ”
โรคเรื้อนหรือโรคผิวหนังเนื้อชา เป็นโรคติดต่อที่เกิดจาก การติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง โรคนี้พบได้ทุกภาคของประเทศ แต่จะพบมากทางภาคอีสานการแพร่เชื้อโรคเรื้อนออกจากร่างกายผู้ป่วยได้ 2 ทาง คือ ทางเยื่อบุจมูก (ละอองฝอยจากทางเดินหายใจส่วนบน) และทางผิวหนังที่แตกเป็นแผล
เชื้อโรคเรื้อนจะก่อให้เกิดอาการของโรคที่ผิวหนังและเส้นประสาทส่วนปลาย การอักเสบของเส้นประสาทส่วนปลาย จะทำให้กล้ามเนื้อที่ควบคุมด้วยเส้นประสาทเส้นนั้นฝ่อลีบไป ทำให้มือเท้าหงิก และกุดได้ในระยะท้ายของโรค ที่จริงแล้วในระยะแรกของโรคมักจะมีผื่นจำนวนเล็กน้อย ผู้ป่วยระยะแรกเริ่มบางรายมีผื่นเพียงแห่งเดียว ซึ่งหากรักษาเสียตั้งแต่ในระยะนี้ก็จะหายสนิท และไม่เกิดความพิการใด ๆ เหลืออยู่ หากปล่อยทิ้งเนิ่นนานเป็นเดือนเป็นปี หรือหลาย ๆ ปี โรคจะลุกลามอย่างช้า ๆ มีผื่นจำนวนมากขึ้น ผื่นระยะนี้จะมีสีแดงก่ำ ผิวเป็นมัน ขนคิ้วร่วง จมูกยุบ ใบหูหนาและบิดผิดรูป หากมารับการรักษาในระยะนี้ แม้จะหายจากโรคได้แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขความพิการดังกล่าวได้
ลักษณะอาการทางผิวหนัง ที่สังเกตได้ง่ายคือ เป็นวง ด่างขาว สีซีดจางหรือเข้มกว่าผิวหนังปกติ อาจเป็นตุ่มและผื่นนูนแดงหนา กระจายไปทั่วตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมีอาการชา ผิวหนังแห้ง เหงื่อไม่ออก เป็นมัน ไม่คัน บริเวณที่พบมาก คือ แขน ขา หลัง และสะโพก
การดำเนินของโรคจะเป็นไปอย่างช้า ๆ ใช้เวลาเป็นปี เมื่อเชื้อโรคเรื้อนเข้าสู่ร่างกาย จะใช้เวลาฟักตัวช้ามากประมาณ ๓-๕ ปี หรืออาจนานกว่านั้น จึงจะปรากฏอาการในผู้ที่ไม่มีภูมิต้านทานต่อเชื้อโรคเรื้อนหากไม่รักษาตั้งแต่เริ่มเป็น เมื่อเส้นประสาทถูกทำลาย จะทำให้เกิดความพิการที่ตา มือ และเท้า ทำให้เกิดอาการฝ่ามือ ฝ่าเท้าชา กล้ามเนื้อลีบ อ่อนกำลัง นิ้วมือ นิ้วเท้างอ ข้อมือตก ข้อติด เดินเท้าตก ปากเบี้ยว หลับตาไม่สนิท
ปัจจุบันยารักษาโรคเรื้อนมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถใช้รักษาผู้ป่วยโรคเรื้อนให้หายได้ ด้วยการกินยาเป็นระยะเวลา 6 เดือน ถึง 2 ปี และหากผู้ป่วยได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มแรก ก็จะไม่มีความพิการเกิดขึ้น ถึงแม้โรคเรื้อนจะสามารถติดต่อกันได้ และอาจทำให้เกิดความพิการ แต่ก็ไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงถึงกับเสียชีวิต ผู้ที่อยู่ในครอบครัวเดียวกับผู้ป่วยโรคเรื้อน หรืออยู่ในชุมชนที่ยังมีการแพร่ระบาดของโรคเรื้อน ควรไปรับการตรวจร่างกายจากแพทย์ปีละครั้ง หรือสำรวจตนเอง และคนในครอบครัวเพื่อค้นหาอาการเริ่มแรกของโรค หากพบอาการผิดปกติ ต้องรีบรับการตรวจรักษา ก่อนที่โรคจะลุกลามจนเกิดความพิการ และเป็นการป้องกันการแพร่โรคเรื้อนในชุมชนอีกด้วย ความเอื้ออาทรและกำลังใจจากคนใกล้ชิดมีความสำคัญ ในการกระตุ้นเตือนให้ผู้มีอาการสงสัยเป็นโรคเรื้อนไปรับการรักษาและรับยาอย่างสม่ำเสมอจนโรคหายขาด ควรเป็นกำลังใจเพื่อให้ผู้ป่วยอดทนต่อการรักษาเอาใจใส่ให้ทานยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
แม้ว่าในปัจจุบันผู้ป่วยโรคเรื้อน หรือโรคผิวหนังเนื้อชา สามารถพบได้น้อยลงกว่าในอดีต ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้จักอาการเริ่มแรกของโรค ผู้ที่เป็นโรคนี้จึงไม่ทราบว่าตนเองมีอาการที่อาจนำไปสู่ความพิการได้ หากปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานาน ดังนั้น ทุกคนจึงควรช่วยกันรณรงค์ กระตุ้นเตือนให้ผู้มีอาการน่าสงสัยเป็นโรคเรื้อน ผิวหนังเป็นวงด่างสีขาว มีอาการชา หรือผิวหนังเป็นผื่น ตุ่ม ไม่เจ็บ ไม่คัน หรือมือเท้าลีบ อ่อนกำลัง ให้รีบไปรับการตรวจรักษา เพื่อที่โรคเรื้อนจะได้ถูกกำจัดไปอย่างยั่งยืน หากสงสัยว่าเป็นโรคเรื้อน สามารถเข้ารับการตรวจรักษาโรคเรื้อนได้กับหน่วยงานดังต่อไปนี้ โรงพยาบาลชุมชนทุกอำเภอ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
ซึ่งทางองค์การอนามัยโลกได้กำหนดคำขวัญ เพื่อเป็นพันธสัญญาของผู้ปฏิบัติงานโรคเรื้อนในการทำให้บรรลุผลสำเร็จ และลดปัญหาโรคเรื้อน คือ “A world without leprosy” เพื่อลดปัญหาผู้ได้รับผลกระทบจากโรคเรื้อน ทั้งทางร่างกาย จิตใจ และสังคม ในสัปดาห์ราชประชาสมาสัย วันที่ 16-20 ม.ค.นี้
ดังคำขวัญที่กล่าวว่า "ราชประชาสมาสัย รวมน้ำใจ ค้นหาผู้มีอาการสงสัย และฟื้นฟูสภาพผู้ประสบปัญหาโรคเรื้อน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล"
กิจกรรมรณรงค์สัปดาห์ราชประชาสมาสัย 2555 โรงพยาบาลท่าตูม


