เมื่อวันที่ 27 ม.ค.2555 เวลา 14.35 น.ร.ต.ต.ไพบูลย์ ศรีเชียงหา ร้อยเวร สภ.ท่าตูม อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยท่าตูม นายแพทย์ยุทธนา วรรณโพธิ์กลาง ผอก.รพ.ท่าตูม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพ รพ.ท่าตูม และกำลังเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัย อบต.ท่าตูม เข้าทำการเกลี้ยกล่อมพระภิกษุกิตติคุณ ทองนำ อายุ 34 ปี พระลูกวัดปทุมทอง หมู่ที่ 1 บ้านตูม ต.ท่าตูม อยู่ในชุดสวมอังสะและสบง พร้อมโทรศัพท์มือถือ และไฟฉายและในมือถือเหล็กแหลมที่เป็นง่ามสำหรับสายล่อฟ้าอาคาร นั่งอยู่บนหลังคากุฎิสงฆ์ด้านตะวันตกของวัด ความสูงประมาณ 30 เมตร เพื่อขอให้ลงมาข้างล่าง แต่พระภิกษุดังกล่าวก็ทำเฉยไม่ยอมลงมา โดยพระรูปดังกล่าว ได้แอบปีนขึ้นไปบนหลังคากุฏิตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 26 ม.ค. ทั้งนี้ พบว่าพระกิตติคุณมีอาการอ่อนเพลียลงมาก ทางเจ้าหน้าที่จึงนำเบาะยางพร้อมเตรียมรถกระเช้าเข้าทำการวางรอบกุฎิเพื่อรองรับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
โดยช่วงเกิดเหตุ เมื่อเย็นวันที่ 26 ม.ค. ขณะที่ชาวบ้านกำลังฟังสวดมนต์ในพิธีทำบุญสู่ขวัญข้าวเปลือกประจำหมู่บ้าน ได้ยินเสียงรื้อกระเบื้องมุงหลังคากุฎิทิ้งลงมาข้างล่าง จึงพากันวิ่งลงมาดูพบพระภิกษุกิตติคุณ ที่ไม่ได้ลงมาสวดมนต์พร้อมพระองค์อื่น กำลังส่องไฟฉายที่ติดตัวส่องรื้อหลังคาทำเป็นช่องแล้วปืนขึ้นไปอยู่บนหลังคากุฎิ ชาวบ้านจึงตะโกนเรียกให้ลงมา แต่พระกิตติคุณ บอกว่าไม่ต้องมายุ่งขอปรินิพพานบนหลังคานี้ ทางชาวบ้านได้ตรวจสอบพบว่าในห้องพักสงฆ์พระกิติตคุณทำการรื้อฝ้าเพดานแล้วปีนขึ้นไป และยังพบกล่องยาทั้งยาแผนปัจจุบันและยาหม้อต้มจำนวนมากวางกองในห้อง หมดทางจะช่วยจึงแจ้งเจ้าหน้าที่มาช่วยกล่อมทั้งคืน แต่ก็ไม่ยอมลงมาจนเช้าวันนี้ ขณะรายงานข่าวก็ยังอยู่บนหลังคาอยู่
นายยง ทองนำ อยู่บ้านเลขที่ 32/1หมู่ที่ 1 บ้านตูม ต.ท่าตูม ผู้เป็นพ่อ ระบุว่าพระกิตติคุณ หรือพระโก้ บวชมานาน 3 พรรษาแล้ว ก่อนบวชได้กลับมาจากลงเรือประมงที่จังหวัดสมุทรสาคร ไปจับปลาที่ประเทศอินโดนีเซีย เป็นระยะเวลาในสัญญา 5 ปี แต่ในขณะเข้าปีที่ 3 ทางเจ้าของเรือได้ส่งตัวกลับอ้างว่าเกิดอาการคลุ้มคลั่ง คล้ายคนติดยาเสพติดและมักจะโวยวายตะโกนหาเรื่องและมีท่าทีตาขวางไม่ยอมคบหาใคร พระกิตติคุณบอกตนว่า นายเรือได้ให้กินยาขยันเพื่อให้ทำงานได้โดยไม่ยอมหยุด มีเวลาพักวันละ 2 ชั่วโมงเท่านั้น โดยต้องทำงานถึงวันละ 22 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำตลอดระยะเวลาในสัญญาเพื่อให้ได้ปลาตามที่เจ้าของเรือต้องการ ตนเห็นว่าบุตรชายอาจเสียสติได้จึงรับตัวกลับมารักษาที่บ้านโดยให้กินยากลางบ้านบ้างพาไปหาหมอตามโรงพยาบาลบ้าง อาการค่อยยังชั่วลงบ่นว่าอยากบวชจึงบวชให้เพื่อช่วยรักษาบำบัดอาการ ขณะอยู่ในวัดอาการดีขึ้นแต่จะมีอาการเป็นพักๆเมื่อไม่เป็นอะไรจะขยันมาก มีฝีมือในการก่อสร้างทำงานไม่ยอมหยุดพัก ระยะหลังมามีคนนำยาหม้อมาขายให้ถ้าดื่มก็อาการดีขึ้นถ้าไม่ดื่มก็จะมีอาการเครียดคล้ายคนบ้า จนมาก่อเหตุปีนหลังคากุฎิดังกล่าว
(ข้อมูลข่าวจากงานสุขภาพจิต รพ.ท่าตูม)
เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2555 เวลา 20.41น. แผนกอุบัติเหตุฉุกเฉินโรงพยาบาลท่าตูม ได้รับแจ้งเหตุ ว่าพระภิกษุเอะอะโวยวาย ที่วัดบ้านตูม ต.ท่าตูม อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ จึงได้แจ้งให้กู้ชีพเทศบาล ไปที่เกิดเหตุก่อนและหน่วยแพทย์ฉุกเฉินโรงพยาบาลท่าตูมได้ตามไปที่หลัง พบเหตุพระอยู่บนหลังคากุฏิ ไม่มีเอะอะโวยวาย และได้ติดต่อทีมไกล่เกลี่ยเจรจาต่อรอง คือ พ.ต.ท.คุณาวุฒิ ใบลี รอง ผกก.ป. สภ.สนม หัวหน้าเจรจาต่อรอง และคุณสวาสดิ์ สิมมา พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ จากการสอบถามญาติบอกว่าผู้ป่วยชื่อ พระกิตติคุณ ทองนำ บ้านเลขที่ 32/1ม.1ต.ท่าตูม อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์เป็นโรคจิตเวช รับยาโรงพยาบาลสุรินทร์ มาประมาณ 10 ปี และได้มารับยาต่อที่โรงพยาบาลท่าตูม เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2554 ช่วง 3วัน ก่อน ญาติพบว่าผู้ป่วยซึมไม่พูดกับใคร ไม่ยอมกินยาจิตเวช เพราะมียาสมุนไพรหมักไว้กินแล้วซึ่งอร่อยกว่ายาหมอ ทีมจึงได้เจรจาให้การช่วยเหลือตามหลักการและขั้นตอนปฏิบัติ ได้เจรจาถึงเวลา 24.00 น. ผู้ป่วยไม่ยอมลงมาได้รายงานให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทราบ จึงให้หน่วย EMS และหน่วยกู้ชีพเทศบาลท่าตูม อยู่เฝ้าจนถึงเวลา 08.00 น. ต่อมาได้มีทีม จากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยสุรินทร์ นำโดย คุณชัยวัฒน์ สกุลสุรินทร์ และ คุณพัลลภ ปรักมาศ มาเสริม พร้อมจัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกันภัย ,ทีม สภ.ท่าตูม ,ทีมหน่วยปกครองอำเภอท่าตูม,องค์การส่วนท้องถิ่น,เทศบาลท่าตูมและแจ้งให้ทีมสุขภาพจิตสาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ทราบสถานการณ์ และทีมเจรจาได้เริ่มเจรจาอีกครั้งเมื่อเวลา 09.30 น. ขณะเจรจาผู้ป่วยยังอยู่บนหลังคากุฏิ พูดคุยรู้เรื่องดี มีเดินไปมาบนหลังคาเป็นพักๆ ขณะนั้นทีมเจรจาได้ขอความช่วยเหลือจากบุคคลที่ผู้ป่วยคุ้นเคย คือนายบุญล้อม ห่อทรัพย์ ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 18 , นายนรา ทองนำ อบต.ท่าตูม และ นายสุข แกล้วกล้า มัคทายก ได้สลับกันขึ้นไปพูดคุยเกลี้ยกล่อม ซึ่งผู้ป่วยยอมพูดคุยด้วยได้ต่อรองโดยให้ดื่มน้ำและมีการพักการเจรจาเป็นพักๆเมื่อผู้ป่วยเริ่มเดินไปเดินมาอีกครั้ง ได้เสนอทางเลือกให้ผู้ป่วยว่าจะลงจากกุฏิอย่างไร ต่อมาเวลา 14.40 น. ผู้ป่วยบอกว่าอยากให้รถกระเช้ามารับลงไป จึงให้เทศบาลท่าตูมนำรถกระเช้าพร้อมทั้งให้คุณบุญล้อม ห่อทรัพย์ และคุณนรา ทองนำ ขึ้นไปด้วย และสามารถเกลี้ยกล่อมลงมาได้ เมื่อเวลา 14.50 น. ซึ่งผู้ป่วยไม่มีโวยวาย พูดคุยรู้เรื่องดี ทำตามคำสั่งได้ มีอาการเหนื่อยเพลียจึงให้ดื่มน้ำ ให้การพยาบาลเบื้องต้นและหน่วย EMS โรงพยาบาลท่าตูม ได้นำผู้ป่วยมาให้การรักษาต่อที่โรงพยาบาลเสร็จสิ้นการปฏิบัติการเมื่อเวลา15.00น.รวมเวลาการเจรจาต่อรอง18ชั่วโมงเหตุการณ์ปลอดภัยดีและส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลสุรินทร์ซึ่งประสานงานกับทีมสุขภาพจิตโรงพยาบาลสุรินทร์ และสำนักงานสาธารณสุขสุรินทร์ เพื่อเตรียมรับผู้ป่วย ได้ส่งตัวไปรพ.สุรินทร์เวลา 16.00 น.โรงพยาบาลท่าตูม ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่จากทุกหน่วยงานที่ได้ร่วมมือให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยในเหตุการณ์ครั้งนี้ รวมทั้งทีมไกล่เกลี่ยเจรจาต่อรองซึ่งมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในเรื่องการให้ความช่วยเหลือผู้ป่วย นำทีมโดย พ.ต.ท.คุณาวุฒิ ใบลี รอง ผกก.ป.สนม หัวหน้าชุด นพ.ยุทธนา วรรณโพธิ์กลาง ผอก.รพ.ท่าตูม นางสวาสดิ์ สิมมา พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ รพ.ท่าตูม นายบุญล้อม ห่อทรัพย์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 18 ต.ท่าตูม นายนรา ทองนำ อบต.ท่าตูม และนายสุข แกล้วกล้า มัคทายก สามารถเกลี่ยกล่อมจนพระภิกษุกิตติคุณ ทองนำ ยอมลงมาจากหลังคากุฏิแต่โดยดี(มีภาพข่าวจากงานสุขศึกษาและประชาสัมพันธ์ รพ.ท่าตูม)





ขอขอบคุณข้อมูลข่าวบางส่วนจากเดลินิวส์
http://thatumhealthy.fix.gs/index.php