News! ล้างมือ...สกัดโรค ในวัน'ล้างมือโลก 2012'
รายละเอียดข่าว..
ล้างมือ...สกัดโรค ในวัน'ล้างมือโลก 2012'
ล้างมือ...สกัดโรค ในวัน'ล้างมือโลก 2012'
วันที่ 15 ตุลาคมของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็น “วันล้างมือโลก” หรือ Global Hand Washing Day โดยสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UN)
เป้าหมายสั้นๆง่ายๆคือ เพื่อเป็นการรณรงค์ และกระตุ้นให้เด็ก เยาวชน และประชากรทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญของการล้างมือด้วยสบู่อย่างถูกวิธีเป็นประจำ เพื่อให้เกิดการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
แต่ที่มากไปกว่านั้นก็คือ แค่การล้างมือที่ง่ายๆธรรมดาๆ สามารถลดการติดเชื้อโรค และลดอัตราการตายของคนทั่วโลกจากการติดเชื้อได้
เป้าหมายสั้นๆง่ายๆคือ เพื่อเป็นการรณรงค์ และกระตุ้นให้เด็ก เยาวชน และประชากรทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญของการล้างมือด้วยสบู่อย่างถูกวิธีเป็นประจำ เพื่อให้เกิดการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
แต่ที่มากไปกว่านั้นก็คือ แค่การล้างมือที่ง่ายๆธรรมดาๆ สามารถลดการติดเชื้อโรค และลดอัตราการตายของคนทั่วโลกจากการติดเชื้อได้
ศ.คลินิก นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมอนามัย บอกว่า ปัจจุบันมีโรคติดต่อหลายชนิดเกิดขึ้นใหม่ เช่น ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่เคยระบาดในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ.2552 ทำให้ประชาชนทั่วโลกเกิดความตื่นตัวในการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ โรคมากขึ้น และมีการใช้อุปกรณ์เพื่อป้องกันโรคติดต่อเพิ่มขึ้น เช่น ผ้าปิดจมูก ถุงมือ แต่หากพิจารณาถึงความคุ้มค่าจากวิธีการป้องกันดังกล่าว จะไม่มีวิธีใดที่ดีไปกว่าการล้างมือด้วยสบู่ เพื่อป้องกันโรคติดต่อ จึงขอแนะนำให้ประชาชนล้างมือทุกครั้งภายหลังทำกิจกรรมต่างๆ เช่น หลังการจามหรือไอ หลังสัมผัสสิ่งสกปรกหรือสิ่งของที่ใช้ร่วมกับผู้อื่น หลังออกจากห้องส้วม และก่อนรับประทานอาหาร
“โรคติดต่อหลายชนิดมีสาเหตุมาจากความไม่สะอาดของมือ แม้แต่โรคมือ เท้า ปาก ที่เพิ่งมีการระบาดไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่มือไม่สะอาด แล้วไปหยิบจับอาหารเข้าปาก ทำให้โรคแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว การรณรงค์เรื่องการล้างมือก็เพื่อกระตุ้นให้คนทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญกับการล้างมือด้วยสบู่ เป็นการป้องกันเชื้อโรคที่สำคัญได้ทางหนึ่ง เพราะในแต่ละวัน มือของเราต้องสัมผัสกับสิ่งของต่างๆมากมาย ที่เต็มไปด้วยเชื้อโรคนับล้านๆตัว” อธิบดีกรมอนามัยบอก
ด้าน ภก.อินทิรา วงศ์อัญมณีกุล หน่วยควบคุมและป้องกันโรคติดเชื้อ โรงพยาบาลเลิดสิน กล่าวถึงโครงการวิจัยซึ่งเป็นการทดลองแบบสุ่มโดยมีกลุ่มเปรียบเทียบ ในเด็กนักเรียนชั้น ป.1-ป.4 ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง จำนวนประมาณ 553 คน ระหว่างเดือน ก.พ.-มี.ค.2555 โดยเก็บข้อมูลการขาดเรียนเนื่องจากเจ็บไข้ได้ป่วยในช่วงก่อน และหลังให้ความรู้ ว่า ผลการวิจัยพบว่า โรคต่างๆที่มีมือเป็นพาหะนำ
เชื้อโรคเข้าสู่ระบบต่างๆในร่างกาย เช่น โรคไข้หวัด โรคท้องร่วง โรคผิว หนังอักเสบ โรคตาแดง มีอัตราที่ลดลงหลังจากที่ให้ความรู้และกระตุ้นให้เกิดการล้างมือด้วยสบู่ ซึ่งผลการวิจัยเบื้องต้นที่สำคัญคือนักเรียนที่ล้างมือด้วยสบู่จำนวน 553 คน มีสถิติการขาดเรียนลดลงเนื่องจากติดเชื้อหวัดถึงร้อยละ 50 หรือจาก 156 คน เหลือเพียง 74 คน นอกจากนี้ยังพบว่าพฤติกรรมการล้างมือของนักเรียนก็เปลี่ยนไป โดยนักเรียนขยันล้างมือบ่อยขึ้น โดยที่ไม่ต้องบอกให้ล้างจำนวน 467 คน จาก 553 คน
การรณรงค์เรื่องการล้างมือริเริ่มขึ้นจากสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติต้องการลดอัตราการตายของเด็กทั่วโลกจากโรคติดเชื้อ อาทิ โรคปอดบวม และโรคท้องร่วงที่มากถึงปีละ 3.5 ล้านคน ซึ่งเป็นผลมาจากการขาดสุขอนามัยที่ดีและการละเลยการล้างมือด้วยสบู่อย่างถูกต้องเป็นประจำ ซึ่งการล้างมือเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุดในการป้องกันการแพร่กระจาย และลดความเสี่ยงในการเป็นโรคติดเชื้อต่างๆได้ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าการล้างมือด้วยสบู่ก่อนรับประทานอาหาร หรือหลังการใช้ห้องน้ำจะสามารถช่วยชีวิตผู้คนได้มากกว่าการฉีดวัคซีน หรือการใช้ยารักษา รวมทั้งช่วยลดอัตราการตายจากโรคท้องร่วงได้ร้อยละ 50 และโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจร้อยละ 25
การรณรงค์เรื่องการล้างมือริเริ่มขึ้นจากสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติต้องการลดอัตราการตายของเด็กทั่วโลกจากโรคติดเชื้อ อาทิ โรคปอดบวม และโรคท้องร่วงที่มากถึงปีละ 3.5 ล้านคน ซึ่งเป็นผลมาจากการขาดสุขอนามัยที่ดีและการละเลยการล้างมือด้วยสบู่อย่างถูกต้องเป็นประจำ ซึ่งการล้างมือเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุดในการป้องกันการแพร่กระจาย และลดความเสี่ยงในการเป็นโรคติดเชื้อต่างๆได้ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าการล้างมือด้วยสบู่ก่อนรับประทานอาหาร หรือหลังการใช้ห้องน้ำจะสามารถช่วยชีวิตผู้คนได้มากกว่าการฉีดวัคซีน หรือการใช้ยารักษา รวมทั้งช่วยลดอัตราการตายจากโรคท้องร่วงได้ร้อยละ 50 และโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจร้อยละ 25
มร.คอร์ราโด เจียควินโต กรรมการผู้จัดการ บริษัท คอลเกต ปาล์มโอลีฟ ในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพรเทคส์ บอกว่า วันล้างมือโลกเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นหลังจากสัปดาห์น้ำโลกประจำปี ค.ศ.2008 ที่จัดขึ้นในเมืองสตอกโฮล์ม โดยจัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ค.ศ.2008 ซึ่งเป็นการเลือกโดยสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ พร้อมกับเลือกให้ปี ค.ศ.2008 เป็นปีสากลแห่งการรักษาอนามัย หัวใจหลักของวันล้างมือโลกมุ่งไปยังกลุ่มเด็กนักเรียน ซึ่งบรรดาประเทศสมาชิกรับประกันว่าจะเพิ่มจำนวนเด็กนักเรียนที่ล้างมือด้วยสบู่ให้มากกว่า 70 ประเทศ
“เราตระหนักถึงปัญหาความเจ็บป่วยและโรคติดเชื้อต่างๆว่าเป็นสาเหตุการตายของเด็กทั่วโลกกว่า 3.5 ล้านคนต่อปี เราจึงเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักในการจัดกิจกรรมรณรงค์ “เดือนแห่งการล้างมือ” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 เพื่อสนับสนุนวันล้างมือโลก โดยร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปลูกฝังให้เกิดการล้างมือเป็นประจำเพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค รวมทั้งกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมที่เอื้อต่อสุขอนามัยที่ดี” มร.คอร์ราโดบอก
“เราตระหนักถึงปัญหาความเจ็บป่วยและโรคติดเชื้อต่างๆว่าเป็นสาเหตุการตายของเด็กทั่วโลกกว่า 3.5 ล้านคนต่อปี เราจึงเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักในการจัดกิจกรรมรณรงค์ “เดือนแห่งการล้างมือ” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 เพื่อสนับสนุนวันล้างมือโลก โดยร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปลูกฝังให้เกิดการล้างมือเป็นประจำเพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค รวมทั้งกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมที่เอื้อต่อสุขอนามัยที่ดี” มร.คอร์ราโดบอก
สำหรับการล้างมืออย่างถูกวิธีนั้น นพ.ธีรพล โตพันธานนท์ รองอธิบดีกรมอนามัย บอกว่า การล้างมือที่ถูกวิธีด้วยน้ำและสบู่ มี 7 ขั้นตอน คือ 1. ฝ่ามือถูกัน 2. ฝ่ามือถูหลังมือและนิ้วถูซอกนิ้ว 3. ฝ่ามือถูฝ่ามือและนิ้วถูซอกนิ้ว 4. หลังนิ้วมือถูฝ่ามือ 5. ถูนิ้วหัวแม่มือโดยรอบด้วยฝ่ามือ 6. ปลายนิ้วมือถูขวางฝ่ามือ และ 7. ถูรอบข้อมือ โดยทุกขั้นตอนทำ 5 ครั้ง สลับกันทั้ง 2 ข้าง การล้างมือด้วยวิธีการข้างต้นเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพ เสียค่าใช้จ่ายน้อย และสามารถป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคได้ดี
15 ตุลาคมนี้ อย่าลืม รวมพลังล้างมือ ป้องกันโรค พร้อมกันทั่วโลก
ซึ่งวิธีการล้างมือที่ถูกต้องนั้น มีด้วยกัน 7 ขั้นตอนง่าย ๆ คือ
1. ฝ่ามือถูกัน
2. ฝ่ามือถูหลังมือและนิ้วถูซอกนิ้ว
3. ฝ่ามือถูฝ่ามือและนิ้วถูซอกนิ้ว
4. หลังนิ้วมือถูฝ่ามือ
5. ถูนิ้วหัวแม่มือโดยรอบด้วยฝ่ามือ
6. ปลายนิ้วมือถูขวางฝ่ามือ
7. ถูรอบข้อมือ
อย่าลืมนะคะ "ล้างมือทุกครั้ง หยุดยั้งเชื้อโรค”
...................................
ด้วยความปรารถนาดีจาก...งานสุขศึกษาและประชาสัมพันธ์ รพ.ท่าตูม
